“ปลาหิมะ” หรือ “Snow Fish” ที่คนไทยเรียกนั้น แท้จริงแล้วคือปลา Gindara ซึ่งเป็นปลาราคาแพงมากในญี่ปุ่น ซึ่งเสิร์ฟให้กับลูกค้าในร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียมเท่านั้น
ถ้าพูดถึง “ปลาหิมะ” แล้ว จะมีปลาอยู่ 2 ชนิดที่นิยมนำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ชนิดแรกคือปลา Gindara ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีหลายชื่อที่เรียกกัน เช่น Black Cod, Alaska Cod, Butterfish และ Sablefish ส่วนปลาอีกหนึ่งชนิดที่นิยมมากเช่นกันคือปลา Chilean Seabass หรือ Patagonian Toothfish, Antarctic Toothfish, Black Hake, Icefish ที่แบ่งประเภทตามแหล่งที่มา ซึ่งชนิดที่สองนี้คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า Mero
เนื่องจากปลาทั้งสองชนิดนี้เป็นปลาคนละสายพันธุ์ แต่มีเนื้อนุ่ม ขาว และมีไขมันสูงคล้ายกัน คนจึงเหมาเรียกรวมว่าปลาหิมะนั่นเอง
แต่ระวังนะครับ !! จะมีพ่อค้าหัวใส ชอบเอาปลาอีกชนิด ที่มีราคาถูกกว่ามาก มาสวมรอยเป็น ปลาหิมะ เช่นกัน ปลาที่ว่านั้นมีชื่อว่า ปลา Escolar หรือ Oil Fish เป็นปลาที่ทางฝั่งฝรั่งเศสและอเมริกาสั่งห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในเนื้อปลามีไขมันที่มีความเป็นแว๊กซ์สูงมาก เมื่อทานเข้าไปแล้ว แว๊กซ์ในไขมันปลาจะไปเคลือบลำไส้ ทำให้ท้องเสีย หรือหนักถึงขั้น อาหารเป็นพิษเลยทีเดียว
เนื้อปลาหิมะที่มาจากปลา Gindara จะมีลักษณะคล้าย เนื้อปลากะพงขาว ทั้งขาวและนุ่ม รสชาติกลมกล่อม สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายประเภทมากๆ
คนจีน จะนิยมนำมา นึ่ง ต้ม ผัด เช่น ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ข้าวต้มปลาหิมะ และปลาหิมะผัดขึ้นฉ่าย ส่วนฝั่งคนญี่ปุ่น จะนิยมนำมาทำ ปลาหิมะย่างซีอิ๊วสไตล์ญี่ปุ่น กินกับวอดก้าหรือสาเกก็เข้ากันดี เช่นเดียวกันทางยุโรปที่นิยมนำมาย่างทำเป็น สเต๊กปลาหิมะ กินคู่กับซอสสามอย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน แกล้มกับมันบดและผักสลัดต่างๆ กลับมาทางฝั่งอาหารไทย สามารถเพิ่มรสจัดจ้านด้วยการนำมาพลิกแพลงทำอาหารได้ทุกประเภท เช่น ปลาหิมะทอดสามรส ปลาหิมะผัดพริกแกง ปลาหิมะนึ่งมะนาว หรือ ต้มยำปลาหิมะ ก็อร่อยแซ่บดีครับ
Note:
เนื้อปลาหิมะฟิลเล่ต์ สามารถนำมาครีเอทเป็นอาหารฟิวชั่นได้หลากหลายเมนู เช่น ปลาหิมะย่างราดซอสต้มยำ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะทำเป็นเมนู ปลาหิมะอบซอสบัลซามิกสไตล์อิตาลี แนมกับ เห็ดชิตาเกะและหน่อไม้ฝรั่ง ก็ยิ่งเพิ่มอรรถรส ให้ดูน่าทานยิ่งขึ้นครับ